ซีพีเอฟ – สจล. เตรียมนำเทคโนโลยี “eDNA” ช่วยควบคุมปลาหมอคางดำให้อยู่ในพื้นที่จำกัด

   เมื่อ : 04 ก.ย. 2567

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟจับมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังสจล.) เตรียมใช้เทคนิค Environmental DNA (eDNA) ในการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) ในแหล่งน้ำและพื้นที่กันชน ร่วมสนับสนุนภาครัฐแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

นายเปรมศักดิ์ วนัชสุนทร ผู้บริหารสูงสุดด้านการวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเชิงรุก 5 โครงการ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำอย่างเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น การจับปลาออกจากแหล่งน้ำให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการปล่อยปลาผู้ล่า ตามขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติงานเชิงรุกของบริษัทฯ ภายใต้โครงการที่ 5 ที่มุ่งมั่นร่วมทำวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว

ผศ. ดร.ธงชัย พุฒทองศิริ คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า สจล. เป็นมหาลัยที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้นำเทคนิค eDNA มาวิเคราะห์ DNA ของปลาหมอคางดำที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการประเมินสุขภาพโดยรวมของระบบนิเวศทางน้ำ จากการเก็บรวบรวมร่องรอยพันธุกรรมที่สัตว์ปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สามารถระบุความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และเข้าใจว่าจำนวนประชากรของปลามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การวิเคราะห์และประเมินผลด้วยวิธีนี้จะช่วยป้องกันการระบาดและโอกาสเสี่ยงในการแพร่กระจายไปยังแหล่งน้ำอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผศ.ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ ผู้ช่วยคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าวว่า เทคโนโลยี eDNA เป็นวิธีการใหม่ในการสำรวจสัตว์น้ำและประเมินความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจพบร่องรอยดีเอ็นเอที่สัตว์น้ำปล่อยออกมาในน้ำ ซึ่งสามารถระบุการมีอยู่ของสัตว์น้ำชนิดนั้นได้แม้มีในปริมาณหรือจำนวนตัวที่น้อยมาก หรือในบริเวณที่ยากต่อการสำรวจแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยเครื่องมือประมง

“การใช้ eDNA ในการสำรวจการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้เราสามารถระบุขอบเขตพื้นที่ที่มีการระบาดได้ชัดเจน กำหนดพื้นที่กันชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด สามารถนำข้อมูลมาประกอบการพัฒนาการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างยั่งยืน” ผศ.ดร.วัลย์ลดา กล่าว

สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่าง สจล. กับ ซีพีเอฟ จะทำการศึกษาในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศไทย โดยเริ่มต้นเก็บน้ำในพื้นที่ที่มีรายงานการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ จากนั้นนำตัวอย่างน้ำที่เก็บได้ไปทำการวิเคราะห์ eDNA ในห้องปฏิบัติการ เพื่อระบุการมีอยู่และความหนาแน่นของปลาหมอคางดำในแต่ละพื้นที่ที่มีการระบาด รวมถึงแหล่งน้ำที่ยังไม่ระบาดแต่มีโอกาสเสี่ยงของการแพร่กระจาย (พื้นที่กันชน) นำมาช่วยให้การวางแนวทางการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการควบคุมไม่ให้มีการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับทราบผลได้อย่างรวดเร็ว

 

ผศ. ดร.ธงชัย พุฒทองศิริ คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า สจล. เป็นมหาลัยที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้นำเทคนิค eDNA มาวิเคราะห์ DNA ของปลาหมอคางดำที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการประเมินสุขภาพโดยรวมของระบบนิเวศทางน้ำ จากการเก็บรวบรวมร่องรอยพันธุกรรมที่สัตว์ปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สามารถระบุความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และเข้าใจว่าจำนวนประชากรของปลามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การวิเคราะห์และประเมินผลด้วยวิธีนี้จะช่วยป้องกันการระบาดและโอกาสเสี่ยงในการแพร่กระจายไปยังแหล่งน้ำอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผศ.ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ ผู้ช่วยคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าวว่า เทคโนโลยี eDNA เป็นวิธีการใหม่ในการสำรวจสัตว์น้ำและประเมินความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจพบร่องรอยดีเอ็นเอที่สัตว์น้ำปล่อยออกมาในน้ำ ซึ่งสามารถระบุการมีอยู่ของสัตว์น้ำชนิดนั้นได้แม้มีในปริมาณหรือจำนวนตัวที่น้อยมาก หรือในบริเวณที่ยากต่อการสำรวจแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยเครื่องมือประมง

“การใช้ eDNA ในการสำรวจการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้เราสามารถระบุขอบเขตพื้นที่ที่มีการระบาดได้ชัดเจน กำหนดพื้นที่กันชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด สามารถนำข้อมูลมาประกอบการพัฒนาการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างยั่งยืน” ผศ.ดร.วัลย์ลดา กล่าว

สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่าง สจล. กับ ซีพีเอฟ จะทำการศึกษาในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศไทย โดยเริ่มต้นเก็บน้ำในพื้นที่ที่มีรายงานการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ จากนั้นนำตัวอย่างน้ำที่เก็บได้ไปทำการวิเคราะห์ eDNA ในห้องปฏิบัติการ เพื่อระบุการมีอยู่และความหนาแน่นของปลาหมอคางดำในแต่ละพื้นที่ที่มีการระบาด รวมถึงแหล่งน้ำที่ยังไม่ระบาดแต่มีโอกาสเสี่ยงของการแพร่กระจาย (พื้นที่กันชน) นำมาช่วยให้การวางแนวทางการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการควบคุมไม่ให้มีการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับทราบผลได้อย่างรวดเร็ว

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ