“Link for Life” ลิงค์เล็ก ๆ ที่ช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน สจล. ผนึกตำรวจ – หน่วยฉุกเฉิน พัฒนาเทคโนโลยีเปิดทางให้ชีวิต

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดตัวโครงการ “Link for Life” นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ผสานเทคโนโลยีและหัวใจของการช่วยชีวิตเข้าด้วยกัน ผ่านระบบ ติดตามการเดินทางฉุกเฉินแบบเรียลไทม์ (Real-time Communication) ที่สามารถระบุตำแหน่งรถพยาบาลและส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก เปิดเส้นทาง และลดระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า โครงการ “Link for Life” เริ่มจากแนวคิดในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้และเชื่อมโยงเครือข่ายแห่งความร่วมมือเพื่อช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินและยังช่วยแก้ปัญหาการจราจรที่เป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่รถติดหนาแน่น ซึ่งเพียงแค่เสี้ยววินาทีอาจหมายถึงโอกาสในการรักษาชีวิตของผู้ป่วย นวัตกรรมนี้ทำงานผ่านลิงค์บนโทรศัพท์มือถือที่สามารถส่งพิกัดรถพยาบาลไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถมองเห็นการเคลื่อนที่ของรถได้ทันที พร้อมบริหารจัดการสัญญาณไฟหรือเคลียร์เส้นทางล่วงหน้า เพื่อให้รถพยาบาลถึงโรงพยาบาลได้เร็วและปลอดภัยที่สุด

จุดเด่นของ “Link for Life” ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือ “เครือข่ายแห่งความร่วมมือ” ระหว่างหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยกู้ชีพ โรงพยาบาล ตำรวจจราจร หน่วยงานท้องถิ่น และภาคประชาชน ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือการช่วยชีวิตผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ โดยระบบยังสามารถบันทึกเส้นทาง เวลา และข้อมูลการเดินทาง เพื่อใช้วิเคราะห์แนวทางพัฒนาและบริหารจัดการจราจรในอนาคต อันเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดสู่การพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” ที่ให้ความสำคัญกับ “ชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน” เป็นอันดับแรก

ทั้งนี้ โครงการได้เริ่มทดสอบและใช้งานจริงตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 โดยมีความร่วมมือระหว่าง สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย และหน่วยงานฉุกเฉินเคลื่อนที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งผลการดำเนินงานระยะแรกสะท้อนให้เห็นว่าระบบสามารถช่วยให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ลดระยะเวลาการเดินทาง และเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้จริง รศ. ดร.คมสัน มาลีสี กล่าวต่อว่า “Link for Life” ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมเทคโนโลยี แต่คือสัญลักษณ์ของสังคมที่มีหัวใจที่ไม่ปล่อยให้ชีวิตใดต้องรอความช่วยเหลือ ทุกวินาทีคือโอกาสในการรักษาชีวิต
ซึ่งโครงการนี้ยังสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติหลายด้าน ได้แก่ SDG 3 Good Health and Well-being เพิ่มประสิทธิภาพระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน ลดอัตราการเสียชีวิตจากความล่าช้า SDG 9 Industry Innovation and Infrastructure เพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยี GPS และ IoT สร้างโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะด้านจราจรและการแพทย์ SDG 11 Sustainable Cities and Communities เพื่อพัฒนาเมืองที่ปลอดภัยและใส่ใจชีวิต SDG 17 Partnerships for the Goals เพื่อเสริมพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้
ภายในงานแถลงข่าวยังจัดให้การมีเสวนา “Link For Life เทคโนโลยีเชื่อมใจ เปิดทางช่วยชีวิต” โดยมีวิทยากร ผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย ผศ.ดร.ชดชนก อัฑฒพงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม ผู้ดำเนินการเสวนา พ.ต.อ.สุนทรเกียรติ คล้ายกรุต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 พ.ต.ท.พลเชษฐ์ มาดี สารวัตรจราจร สน.จรเข้น้อย ผศ.ดร.ปูรณ์ ขวัญสุวรรณ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ รศ.ดร.ชุมพร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกายภาพ จราจรและความปลอดภัย รศ.ดร. จรสวรรณ โกยวานิช รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพย์สิน และความยั่งยืน สจล. และแพทย์หญิงฐิติกาญจน์ เลาหสุรโยธิน นายแพทย์ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม วิชาการ ชำนาญการ รองผู้อำนวยการการแพทย์โรงพยาบาล นคราภิบาล พ.ต.อ.สุนทรเกียรติ คล้ายกรุต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวว่า โครงการ “Link for Life” เป็นอีกก้าวสำคัญของการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับภารกิจด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องแข่งกับเวลา การมีระบบที่สามารถสื่อสารข้อมูลตำแหน่งรถพยาบาลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบเรียลไทม์ จะช่วยให้สามารถจัดการจราจร เปิดเส้นทาง และอำนวยความสะดวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และเพิ่มโอกาสในการรักษาชีวิตให้ทันเวลา
ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภารกิจเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แพทย์หญิงฐิติกาญจน์ เลาหสุรโยธิน นายแพทย์ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม วิชาการ ชำนาญการ รองผู้อำนวยการการแพทย์โรงพยาบาลนคราภิบาล กล่าวว่า การมีแอปพลิเคชันอย่าง ‘Link for Life’ จึงเข้ามาช่วยยกระดับระบบบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน และทำให้การบริหารจัดการจราจรสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เรา เข้าถึงผู้ป่วยได้รวดเร็ว เท่านั้น แต่ยังช่วย ลดปัญหาอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างทาง เพราะบางครั้งรถพยาบาลอาจจำเป็นต้อง ฝ่าไฟแดง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ร่วมทางได้ การมีเทคโนโลยีนี้จึงเป็นการส่งเสริมให้การช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นไปอย่าง รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น โครงการ “Link for Life” ดำเนินการโดย สจล.ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย โรงพยาบาล นคราภิบาล สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ (SCiRA) และ สำนักงานบริหารทรัพยากรกายภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมยุคใหม่ และสร้างเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี “เพราะทุกเสี้ยววินาที คือความหวัง และ Link for Life คือคำตอบของชีวิต”
ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000