“ทองพูนฟูดส์” แบรนด์ผลไม้อบแห้งจากไทย ส่งความอร่อยไปทั่วโลก SME D Bank หุ้นส่วนที่เข้าใจ ต่อเติมฝัน เคียงข้างทุกโอกาสธุรกิจ

   เมื่อ : 28 ส.ค. 2566

ผลไม้อบแห้งจากเมืองไทยกว่า 20 ชนิด ภายใต้แบรนด์ “ทองพูน” (THONGPOON) และ “พูน” (POON) กระจายความอร่อยอยู่ในหลายประเทศทั่วเอเชีย และยังอยู่เบื้องหลังแบรนด์ผลไม้อบแห้งจากไทยที่ส่งไปจำหน่ายในตลาดโลก มีกำลังการผลิตสูงถึง 500 ตันต่อปี ธุรกิจเริ่มต้นจากคนรุ่น 1 สานต่อโดยทายาทรุ่น 2 นำพากิจการอายุกว่า 30 ปีให้ค่อยๆ เติบใหญ่ พร้อมมุ่งสู่ฝัน เป็นแบรนด์ผลไม้ไทยที่ส่งออกไปทั่วโลก

หนึ่งในความท้าทายตลอดการทำธุรกิจ คือความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน เพื่อให้สามารถรับมือได้กับทุกโอกาสที่เข้ามาและทุกจังหวะธุรกิจ ซึ่งการมี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่เข้าใจ คอยมอบความช่วยเหลือได้ตรงกับความต้องการของเอสเอ็มอี ทำให้พวกเขายังคงเติบโตได้แม้ในวิกฤต และเห็นเส้นทางสู่เป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นในวันนี้

“ทองพูนฟูดส์” เริ่มต้นธุรกิจผลไม้อบแห้งเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ใน จ.ลำพูน ภายใต้การนำของ “ทองพูน ด่านไพบูลย์” (คุณย่า) และ “กัลยาณี ด่านไพบูลย์” (คุณอา) โดยมี “กรรณิการ์ ด่านไพบูลย์” (หลานสาว) และ “เอกชัย ด่านไพบูลย์” (หลานชาย) เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจ และดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ หจก.ทองพูนฟูดส์ ในปัจจุบัน

เริ่มต้นจากซื้อมาขายไป โดยสรรหาผลไม้อบแห้งที่รสชาติดีมีคุณภาพอย่าง ลำไย ในพื้นที่ จ.ลำพูน ส่งให้กับร้านของฝากและร้านขายยาจีน ใน เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา รวมถึงย่านคนจีนในกรุงเทพ อย่าง เยาวราช หลังจากนั้นมีโอกาสไปออกงาน THAIFEX ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ปีแรกๆ ที่มีการจัด ทำให้เริ่มได้คำสั่งซื้อจากต่างประเทศ จนนำมาสู่การจดทะเบียนเป็น หจก.ทองพูนฟูดส์ ขึ้นในปี 2548 และเริ่มเส้นทางการส่งออกนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 80% เริ่มจาก ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฯลฯ ภายหลัง ขยายมาสู่ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อีกด้วย

หลังจากที่ได้เรียนรู้ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น จึงต่อยอดมาเป็นผู้ผลิตสินค้าผลไม้แปรรูป เริ่มจากทำ ลำไยอบแห้ง “ตรานกอินทรีย์” ซึ่งยังคงมีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ภายหลังเพิ่มเติมมาทำแบรนด์ “ทองพูน” (THONGPOON) และ “พูน” (POON) โดยแบรนด์หลังเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ และต่อยอดจากลำไย มาสู่ผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งอีกกว่า 20 ชนิด อย่าง ลิ้นจี่ ทุเรียน สับปะรด มะพร้าว มังคุด เป็นต้น ตลอดจนรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย

ตลอดการทำธุรกิจไม่มีอะไรง่าย และต้องปรับตัวอยู่เสมอ กรรณิการ์ เล่าว่าหลังจากสูญเสียคุณย่า เธอต้องมาบริหารทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งที่มีความรู้แค่ด้านภาษาและการขายเท่านั้น จึงต้องมาเรียนรู้งานทุกอย่างใหม่ ทั้งเรื่องการเงิน การบริหารหนี้สิน การผลิต โครงสร้างต้นทุน ค่าใช้จ่าย ฯลฯ เรียนรู้ใหม่แทบทุกด้าน ต้องล้มลุกคลุกคลาน และเจอกับบททดสอบอยู่หลายครั้ง อย่าง ลูกค้าต่างประเทศที่เคยมีอยู่ถึง 80 % เกิดหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ จนต้องปรับกลยุทธ์มาขายในประเทศเป็นหลัก พร้อมรุกตลาดออนไลน์และงานรับจ้างผลิตเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะเจอศึกหนักอีกครั้งเมื่อโควิด-19 มาเยือน แต่การปรับตัวที่รวดเร็ว กลับทำให้วิกฤตครั้งนี้ กลับกลายเป็นโอกาส

 

“ก่อนหน้าโควิด เรามีลูกค้าหลักคือนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ปรากฎพอเกิดโควิดกลุ่มนี้หายไปหมด ทำยอดขายหายไปถึง 80% แต่ยังดีที่ผลไม้อบแห้งยังส่งออกได้อยู่และตลาดยังคงต้องการ เราเลยพลิกกลยุทธ์มาส่งออกมากขึ้น โดยสัดส่วนการส่งออกและขายในประเทศอยู่ที่ 50:50 เวลาเดียวกันก็รับทำแบรนด์ให้กับลูกค้าในประเทศอีกหลายเจ้า ลูกค้าส่วนหนึ่งซื้อสินค้าเรามาไลฟ์ขายในช่วงโควิด กลายเป็นว่า ยอดขายของเราโตกว่าช่วงปกติด้วยซ้ำ และเป็นหนึ่งในโรงงานที่ไม่ได้หยุดชะงักเพราะโควิด” กรรณิการ์เล่า

หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้แม้ในวิกฤต คือความพร้อมทางด้านการเงิน กรรณิการ์ ยอมรับว่า ธุรกิจของพวกเขาใช้ต้นทุนทางการเงินที่สูง และจำเป็นต้องมีเงินสดหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการทำธุรกิจกับลูกค้า B2B ส่วนใหญ่จะเป็นระบบเครดิต ขณะที่จุดยืนการทำธุรกิจตั้งแต่ต้นก็ไม่เน้นทำกำไรมากมาย จึงจำเป็นต้องมีเงินทุนมาหล่อเลี้ยงธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤต และหนึ่งในความช่วยเหลือจาก SME D Bank ก็เป็นทางออกของพวกเขา

“การได้เงินทุนมาช่วยสนับสนุนธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา ช่วยให้เรายังคว้าโอกาสไว้ได้แม้ในวิกฤต มองว่า SME D Bank เป็นธนาคารที่อยู่คู่กับเอสเอ็มอี พร้อมช่วยเหลือและประคับประคองพวกเรา SME D Bank เป็นเหมือนหุ้นส่วนธุรกิจ ที่มีความเข้าใจการทำธุรกิจของเรา สามารถจัดสรรผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม และออกแคมเปญที่ตรงกับความต้องการของเอสเอ็มอีจริงๆ”

ความพร้อมทางด้านการเงิน ที่ได้รับการสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจ ทำให้เป้าหมายในอนาคตไม่ผิดแผน กรรณิการ์ บอกเราว่า ฝันที่อยากจะเห็นลำไยทองพูนดังไกลไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในแบรนด์ผลไม้ไทยที่ส่งออกไปทั่วโลก โดยยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยปรัชญาที่ผู้เป็นย่าทิ้งไว้ให้ นั่นคือ ขยัน รักษาคำมั่น และซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งพวกเขายังคงยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้ ช่องทางติดต่อ โทรศัพท์ : 053-982-717 เว็บไซต์ www.thongpoonfood.com Facebook : thongpoonfood

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ